ระบบย่อยอาหาร
1.1 ส่วนประกอบและหน้าที่
ระบบย่อยอาหารของคนประกอบด้วยอวัยวะ ดังต่อไปนี้
1. อวัยวะที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการย่อยอาหาร ได้แก่
1.1 ตับ มีหน้าที่สร้างน้ำดีส่งไปเก็บที่ถุงน้ำดี เพื่อช่วยให้ไขมันแตกตัว
1.2 ตับอ่อน มีหน้าที่สร้างเอนไซม์ส่งไปย่อยอาหารที่ลำไส้เล็ก ได้แก่ ทริปซิน อะไมเลส ไลเปส
1.3 ลำไส้เล็ก สร้างเอนไซม์มอลเทส ซูเครส และแล็กเทส ย่อยอาหารประเภทน้ำตาลที่ลำไส้เล็ก
2. อวัยวะที่เป็นทางเดินอาหาร ทำหน้าที่ในการรับและส่งอาหาร โดยเริ่มจาก
ปาก -->คอหอย --> หลอดอาหาร --> กระเพาะอาหาร --> ลำไส้เล็ก --> ลำไส้ใหญ่ --> ทวารหนัก
2.1 ปาก ( mouth ) มีการย่อยเชิงกล โดยการบดเคี้ยวของฟัน และมีการย่อยทางเคมีโดยเอนไซม์อะไมเลสหรือไทยาลีน ซึ่งทำงานได้ดีในสภาพที่เป็นเบสเล็กน้อย
แป้ง + enz. อะไมเลส ------> น้ำตาลมอลโตส
เอนไซม์อะไมเลส ผลิตจาก ต่อมน้ำลาย ( Salivary gland ) ต่อมน้ำลายมี 3 คู่ ได้แก่ ต่อมน้ำลายใต้ลิ้น 1 คู่ ต่อมน้ำลายใต้ขากรรไกรล่าง 1 คู่ และต่อมน้ำลายใต้กกหู 1 คู่ ต่อมน้ำลายจะผลิตน้ำลายได้วันละ 1 – 1.5 ลิตร
2.2 คอหอย ( pharynx) เป็นทางผ่านของอาหาร ซึ่งไม่เกิดการย่อยใดๆ ทั้งสิ้น
2.3 หลอดอาหาร ( esophagus) มีลักษณะเป็นกล้ามเนื้อเรียบมีการย่อยเชิงกลโดยการบีบตัวของกล้ามเนื้อทางเดินอาหาร เป็นช่วงๆ เรียกว่า “ เพอริสตัสซิส ( peristalsis)” เพื่อให้อาหารเคลื่อนที่ลงสู่กระเพาะอาหาร
2.4 กระเพาะอาหาร ( stomach) มีการย่อยเชิงกลโดยการบีบตัวของกล้ามเนื้อทางเดินอาหารและมีการย่อยทางเคมีโดยเอนไซม์เพปซิน (pepsin) ซึ่งจะทำงานได้ดีในสภาพที่เป็นกรด โดยชั้นในสุดของกระเพาะจะมีต่อมสร้างน้ำย่อยซึ่งมีเอนไซม์เพปซินและกรดไฮโดรคลอริก เป็นส่วนประกอบเอนไซม์เพปซินจะย่อยโปรตีนให้เป็นเพปไทด์ (peptide)ในกระเพาะอาหารนี้ยังมีเอนไซม์อยู่อีกชนิดหนึ่งชื่อว่า “ เรนนิน '' ทำหน้าที่ย่อยโปรตีนในน้ำนม ในขณะที่ไม่มีอาหาร กระเพาะอาหารจะมีขนาด 50 cm3แต่เมื่อมีอาหารจะมีการขยายได้อีก 10 – 40 เท่า
โปรตีน + enz เพปซิน ------> เพปไทด์
รูปแสดง กระเพาะอาหาร
2.5 ลำไส้เล็ก ( small intestine) เป็นบริเวณที่มีการย่อยและการดูดซึมมากที่สุด โดยเอนไซม์ในลำไส้เล็กจะทำงานได้ดีในสภาพที่เป็นเบส ซึ่งเอนไซม์ที่ลำไส้เล็กสร้างขึ้น ได้แก่
1. มอลเทส(maltase) เป็นเอนไซม์ที่ย่อยน้ำตาลมอลโทสให้เป็นกลูโคส
2. ซูเครส(sucrase) เป็นเอนไซม์ที่ย่อยน้ำตาลทรายหรือน้ำตาลซูโครส(sucrose)ให้เป็นกลูโคสกับฟรักโทส(fructose)
3. แล็กเทส(lactase) เป็นเอนไซม์ที่ย่อยน้ำตาลแล็กโทส ( lactose) ให้เป็นกลูโคสกับกาแล็กโทส (galactose)
การย่อยอาหารที่ลำไส้เล็กใช้เอนไซม์จากตับอ่อน ( pancreas) มาช่วยย่อย เช่น
ทริปซิน ( trypsin) เป็นเอนไซม์ที่ย่อยโปรตีน และ เพปไทด์ให้เป็น กรดอะมิโน
อะไมเลส ( amylase) เป็นเอนไซม์ที่ย่อยแป้งให้เป็นน้ำตาลมอลโทส
ไลเปส ( lipase) เป็นเอนไซม์ที่ย่อยไขมันให้เป็นกรดไขมันและกลีเซอรอล
ให้นักเรียนพิจารณาข้อสรุปการย่อยอาหารในลำไส้เล็กต่อไปนี้ เพื่อให้เกิดความเข้าใจมากขึ้
คาร์โบไฮเดรต
แป้ง + enz. อะไมเลส ------> น้ำตาลมอลโทส
น้ำตาล มอลโทส + enz. มอลเทส ------> กลูโคส + กลูโคส
น้ำตาลซูโครส + enz. ซูเครส ------> กลูโคส + ฟรุกโทส
น้ำตาลแล็กเทส + enz. แล็กเทส ------> กลูโคส + กาแล็กโทส
ไขมัน
ไขมัน + น้ำดี ------> ไขมันก้อนเล็ก + enz. ลิเพส ------> กรดไขมัน+ กลีเซอรอล
โปรตีน
เพปไทด์+ enz. ทริปซิน ------> กรดอะมิโน
น้ำดี ( bile) เป็นสารที่ผลิตมาจากตับ (liver) แล้วไปเก็บไว้ที่ถุงน้ำดี (gall bladder) น้ำดีไม่ใช่เอนไซม์เพราะไม่ใช่สารประกอบประเภทโปรตีน น้ำดี ทำหน้าที่ ย่อยโมเลกุลของไขมันให้เล็กลงเพื่อให้น้ำย่อยจากตับอ่อน ( เอนไซม์ไลเพส ) ย่อยต่อ ทำให้ได้อนุภาคที่เล็กที่สุดที่สามารถแพร่เข้าสู่เซลล์
การดูดซึมอาหาร หมายถึง ขบวนการนำอาหารที่ผ่านกระบวนการย่อยจนได้เป็นสารโมเลกุลเดี่ยว เช่น กลูโคส กรดอะมิโน กรดไขมัน กลีเซอรอล ผ่านผนังทางเดินอาหารเข้าสู่กระแสเลือดเพื่อนำไปสู่ส่วนต่างๆของร่างกาย
การดูดซึมสารอาหารที่ลำไส้เล็ก
ลำไส้เล็ก เป็นบริเวณที่ดูดซึมอาหารส่วนใหญ่ เพราะ เป็นบริเวณที่มีการย่อยอาหารเกิดขึ้นอย่างสมบูรณ์ และโครงสร้างภายในลำไส้เล็กเหมาะแก่การดูดซึม คือ ผนังด้านในของลำไส้เล็กจะไม่เรียบ มีส่วนยื่นของกลุ่มของเซลล์ที่เรียงตัวเป็นแถวเดียวมีลักษณะคล้ายนิ้วมือ เรียกว่า วิลลัส (Villus) เป็นจำนวนมาก ในแต่ละเซลล์ของวิลลัสยังมีส่วนยื่นของเยื่อหุ้มเซลล์ออกไปอีกมากมาย เรียกว่า ไมโครวิลลัส (Microvillus) ในคน มีวิลลัสประมาณ 20-40 อัน ต่อพื้นที่ 1 ตารางมิลลิเมตรหรือประมาณ 5 ล้านอัน ตลอดผนังลำไส้ทั้งหมด ซึ่งวิลลัสนี้ ทำหน้าที่เพื่มพื้นที่ในการดูดซึมสารอาหาร
2.6 ลำไส้ใหญ่ ( Colon ) เป็นอวัยวะที่อยู่ในระบบทางเดินอาหาร ลำไส้ใหญ่ของคนมีความยาวประมาณ 1.5 เมตร เส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 6 เซนติเมตร
หน้าที่ของลำไส้ใหญ่
1. ช่วยย่อยอาหารเพียงเล็กน้อย
2. ถ่ายระบายกากอาหาร (Wastse product) ออกจากร่างกาย
3. ดูดซึมน้ำและอิเล็คโตรลัยต์จากอาหารที่ถูกย่อยแล้ว เช่น โซเดียม และเกลือแร่อื่น ๆ ที เหลืออยู่ในกากอาหาร รวมทั้งวิตามินบางอย่างที่สร้างจากแบคทีเรีย ซึ่งอาศัยอยู่ในลำไส้ใหญ่ ได้แก่ วิตามินบีรวม วิตามินเค ด้วยเหตุนี้จึงเป็นหนทางสำหรับให้น้ำ อาหารและยาแก่ผู้รับบริการทางทวารหนักได้
4. ทำหน้าที่เก็บอุจจาระไว้จนกว่าจะถึงเวลาอันสมควรที่จะถ่ายออกนอกร่างกาย